การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า เป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่ได้รับความนิยม แต่การเลือกซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่าไม่ใช่แค่ซื้อแล้วรอรับค่าเช่าเท่านั้น ต้องมีการวางแผนและพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ทำเล กลุ่มเป้าหมาย และรูปแบบของบ้าน
บทความนี้จะพาคุณไปดู กลยุทธ์การเลือกบ้านสำหรับปล่อยเช่าให้ได้ราคาดี เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่ามากที่สุด
ปัจจัยสำคัญในการเลือกบ้านสำหรับปล่อยเช่า
1. ทำเลที่ตั้ง: ปัจจัยสำคัญอันดับแรก
✅ ทำเลที่ใกล้แหล่งงานและมหาวิทยาลัย เช่น ในเมือง ใกล้ย่านธุรกิจ หรือมหาวิทยาลัย
✅ ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS, MRT, ทางด่วน หรือป้ายรถเมล์
✅ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ตลาด และร้านอาหาร
✅ ย่านที่มีแนวโน้มเติบโต ศึกษาโครงการพัฒนาในอนาคต เช่น รถไฟฟ้าสายใหม่ หรือแหล่งงานที่กำลังจะเปิดตัว
2. ประเภทของบ้านที่เหมาะสำหรับการปล่อยเช่า
🏡 คอนโดมิเนียม – เหมาะกับกลุ่มคนทำงานและนักศึกษา เน้นทำเลใกล้รถไฟฟ้า
🏡 บ้านทาวน์โฮม – เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่ต้องการพื้นที่มากกว่าคอนโด
🏡 บ้านเดี่ยว – เหมาะกับครอบครัวใหญ่ หรือกลุ่มที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
🏡 บ้านสำหรับนักท่องเที่ยว (Airbnb) – เหมาะกับเมืองท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ พัทยา หรือเชียงใหม่
3. ขนาดและพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม
✅ ขนาดที่พักควรสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น คอนโดขนาด 30-50 ตร.ม. สำหรับคนทำงาน และ บ้านเดี่ยว 150 ตร.ม. สำหรับครอบครัว
✅ ห้องนอนและห้องน้ำต้องเพียงพอต่อการใช้งาน เช่น 1 ห้องนอนสำหรับนักศึกษา หรือ 2-3 ห้องนอนสำหรับครอบครัว
✅ พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ที่จอดรถ สนามหญ้า หรือฟิตเนส ควรมีหากเป็นไปได้
ทำไมการเลือกกลุ่มเป้าหมายถึงสำคัญ?
1. ปล่อยเช่าให้ใครดีที่สุด?
✔ นักศึกษา – เน้นทำเลใกล้มหาวิทยาลัย ห้องขนาดเล็ก ค่าเช่าต่ำ-กลาง
✔ พนักงานออฟฟิศ – ใกล้ย่านธุรกิจ ใกล้รถไฟฟ้า คอนโดหรือทาวน์โฮมขนาดกลาง
✔ ครอบครัว – บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม พื้นที่กว้าง มีโรงเรียนและห้างใกล้เคียง
✔ นักท่องเที่ยว (Airbnb) – ทำเลใจกลางเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยว ปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์
2. ค่าเช่าที่เหมาะสมควรตั้งอย่างไร?
✅ ศึกษาราคาเช่าของอสังหาริมทรัพย์ในทำเลเดียวกัน
✅ คำนวณอัตราผลตอบแทนจากการเช่า (Rental Yield) โดยใช้สูตร:
Rental Yield (%) = (ค่าเช่าต่อปี ÷ ราคาซื้อบ้าน) × 100
✅ ปรับราคาเช่าให้สมเหตุสมผลโดยพิจารณาค่าใช้จ่าย เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงรักษา
ปรับปรุงบ้านอย่างไรให้ปล่อยเช่าได้ราคาสูง?
1. ตกแต่งให้ดึงดูดผู้เช่า
✅ ใช้ เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in เพื่อลดพื้นที่สูญเปล่าและทำให้ห้องดูเป็นระเบียบ
✅ เลือก โทนสีเรียบง่าย เช่น สีขาว เทา หรือเบจ เพื่อให้ดูโล่งโปร่ง
✅ ติดตั้งไฟที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เช่น ไฟวอร์มไวท์
2. เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่คนต้องการ
✅ Wi-Fi อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง – เป็นสิ่งที่ผู้เช่าส่วนใหญ่มองหา
✅ เครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน – เช่น แอร์ ทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า
✅ ระบบความปลอดภัย – มีกล้องวงจรปิด ประตูดิจิทัล หรือรั้วรอบขอบชิด
3. ซ่อมแซมและบำรุงรักษาก่อนปล่อยเช่า
✅ ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและประปาให้อยู่ในสภาพดี
✅ ซ่อมรอยแตกร้าวของผนังหรือพื้นบ้าน
✅ ทำความสะอาดและจัดบ้านให้พร้อมอยู่ก่อนให้เช่า
วิธีบริหารจัดการบ้านเช่าให้มีผู้เช่าตลอด
1. โปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์
📌 ลงประกาศบนแพลตฟอร์มเช่าบ้าน เช่น DDproperty, LivingInsider, Facebook Marketplace
📌 ถ่ายภาพบ้านให้สวยงาม และระบุรายละเอียดให้ครบถ้วน
📌 ใช้คำโฆษณาที่ดึงดูด เช่น “บ้านพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า เฟอร์ฯ ครบ”
2. บริหารค่าใช้จ่ายและสัญญาเช่าให้ชัดเจน
✅ กำหนดค่ามัดจำและค่าบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
✅ ทำสัญญาเช่าที่มีรายละเอียดครบถ้วน เช่น ระยะเวลาเช่า กฎข้อบังคับ
✅ มีระบบติดตามการจ่ายค่าเช่า และเงื่อนไขการต่อสัญญา
3. ดูแลผู้เช่าให้พอใจ เพื่อให้เช่าต่อเนื่อง
✅ แก้ไขปัญหาภายในบ้านให้รวดเร็ว เช่น น้ำรั่ว ไฟฟ้าดับ
✅ ให้บริการที่เป็นมิตรและช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
✅ มีระบบซ่อมบำรุงเพื่อลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
สรุป บ้านแบบไหนปล่อยเช่าได้ราคาดีที่สุด?
✔ เลือกทำเลดี – ใกล้แหล่งงาน รถไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวก
✔ เลือกประเภทบ้านให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย – คอนโดเหมาะกับพนักงาน บ้านเดี่ยวเหมาะกับครอบครัว
✔ ปรับแต่งบ้านให้น่าอยู่ – ตกแต่งเรียบง่าย มีเฟอร์ฯ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
✔ บริหารจัดการบ้านเช่าอย่างมืออาชีพ – มีสัญญาที่ชัดเจน ดูแลบ้านให้พร้อมอยู่
หากคุณต้องการลงทุนใน บ้านสำหรับปล่อยเช่า ควรวางแผนและศึกษาตลาดให้ดี เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด!